วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

ทัศนะเกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสารกับการเผยแพร่พุทธศาสนาของไทย

    เทคโนโลยีการสื่อสาร เป็นสิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างกัน ถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารร่วมกัน ผ่านเครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องจักร วัสดุ นอกจากนั้นยังรวมถึงกระบวนการต่างๆ ที่เกิดจากการประยุกต์ทางวิทยาศาสตร์ด้วย   ซึ่งมีส่วนทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นและคนสามารถสื่อสารได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น จะพบว่ามีการนำเทคโนโลยีทางการสื่อสารมาใช้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านการแพทย์และสาธารณสุข การวินิจฉัยและรักษาโรค ด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม ด้านการเงินและการธนาคาร ด้านความมั่นคงของชาติ  ด้านการคมนาคม  ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม และด้านการพาณิชย์ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีการสื่อสารมีสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเราอย่างมาก
  เมื่อประมาณ 40 ปีที่ผ่านมาผู้เขียนยังจำได้ว่าการสื่อสารในสมัยนั้นส่วนใหญ่ใช้การส่งจดหมาย ถ้าต้องการความรวดเร็วเร่งด่วนก็ใช้การโทรเลข ส่วนโทรศัพท์นั้นมีน้อยส่วนใหญ่อยู่ในเมืองหรือในส่วนราชการ ซึ่งทำให้คนในยุคนั้นมีโอกาสการรับรู้ข่าวสารน้อย ประชาชนของประเทศส่วนใหญ่ได้ข้อมูลข่าวสารมาจากวิทยุ ส่วนโทรทัศน์สมัยนั้นยังมีจำนวนน้อยในเขตชนบท นอกจากนั้นยังได้รับความรู้และข้อมูลข่าวสารจากการศึกษาห้องเรียน การบอกเล่าจากพ่อแม่ญาติพี่น้อง จากเพื่อนบ้าน  สำหรับคนในชนบทหรือชานเมืองอย่างผู้เขียนความรู้ทางพระพุทธศาสนาได้จากวัดเพราะวัดอยู่ในวิถีของชุมชนเกี่ยวเนื่องกับการดำเนินชีวิตของคนในชุมชนโดยตลอด ดังเช่น  การบวช การแต่งงาน การตาย มีการทำบุญตักบาตรตอนเช้าทุกวัน ทุกครอบครัวมาทำบุญในวันสำคัญทางพุทธศาสนาและงานประเพณีในชุมชน ได้แก่ วันมาฆบูชา  วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้า-ออกพรรษา วันสงกรานต์ วันสาร์ทไทย งานบุญกฐิน-ผ้าป่า งานบุญประจำปี  นอกจากนี้เป็นที่จัดงานมหรสพของชุมชน ได้แก่ งานวันลอยกระทง งานเฉลิมฉลองต่างๆ เมื่อได้ไปทำบุญพระภิกษุสงฆ์ท่านมักให้ธรรมะด้วยวิธีการเทศนาโดยอ่านจากใบลาน ขณะนั้นผู้เขียนยังเด็กยอมรับว่าฟังแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจนัก ในระบบการศึกษาสมัยนั้นนักเรียนจะได้ความรู้เพิ่มเติมในวิชาศีลธรรมจำได้ว่าคุณครูให้ความรู้ในวันสำคัญทางพุทธศาสนาและมีบทเพลงประกอบและชักชวนให้ทำบุญ สอนให้มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณและละเว้นการทำบาป อยู่ในครอบครัวมีการอบรมสั่งสอนจากพ่อ-แม่ ปู่-ย่า ตา-ยาย ญาติผู้ใหญ่ซึ่งสอดคล้องกับคุณครู ประกอบกับคนส่วนใหญ่ใกล้ชิดและพึ่งพาธรรมชาติมีการดำเนินชีวิตโดยภาคการเกษตรกรรม รายได้ไม่มากนักต้องดำเนินชีวิตแบบพึ่งตนเองปลูกข้าวและพืชผักกินเอง หาปลาได้จากแม่น้ำลำคลองไม่ต้องพึงพาแม่ค้าอย่างเช่นในปัจจุบันและมีช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสังคม  มีสื่อกระตุ้นในการบริโภคน้อย พบว่าผู้คนส่วนใหญ่มีจิตใจสงบเย็น มีไมตรีจิตต่อกัน มีความเชื่อถือและศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา ต่อมาพบว่ามีการสื่อสารทางโทรทัศน์ได้แพร่กระจายมากขึ้น เกิดความรู้ด้านต่างๆกว้างขวางมากขึ้น มีรายการธรรมะหรือในบางโอกาสสำคัญๆนิมนต์พระให้ธรรมะและให้พร เช่น วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่  และอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้รายการโทรทัศน์อยู่ได้และพัฒนาอย่างต่อเนื่องส่วนใหญ่มาจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าอุปโภคและบริโภคเพื่อให้ผู้คนเข้าถึงสินค้าได้มากขึ้นเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศชาติ ผู้คนเริ่มรู้จักสินค้าต่างๆมากมายขึ้น บางสิ่งก็มีประโยชน์ในการใช้ชีวิต และบางสิ่งก็เกินความจำเป็น แล้วแต่กำลังซื้อและสติปัญญาของผู้บริโภคจะพิจารณา วิถีชีวิตผู้คนเริ่มเปลี่ยนไปสู่ระบบอุตสาหกรรมทิ้งภาคการเกษตร มีการซื้อขายที่ดินกันมาก เจ้าของที่ดินบางคนขายไร่นาเป็นเศรษฐีหน้าใหม่นำเงินมาซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค บางรายหมดตัวและต้องไปรับจ้าง ยากจนลง หลายครอบครัวเช่าที่ดินทำกินจากเจ้าของที่ที่ขายให้กับเจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองก็ต้องเข้าสู่โรงงานฯได้ค่าจ้างระดับไม่มากเป็นแรงงานไม่มีฝีมือ มีการส่งเสริมให้ลูกหลานเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรม บางคนพัฒนาตนเองหาความรู้เพิ่มเติมเป็นแรงงานระดับมีฝีมือค่าจ้างสูงขึ้น มีผู้คนจำนวนมากเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตเข้าภาคอุตสาหกรรม เข้าทำงานเป็นเวลา เวลาให้กับครอบครัวน้อยลง ปฏิสัมพันธ์กับคนในชุมชนน้อยลง เริ่มต้องพึ่งพาอาหารจากร้านค้าต่างๆจากเดิมซึ่งทำกินเอง วิถีชีวิตห่างไกลวัดมากขึ้น การร่วมกิจกรรมกับทางวัดลดลง และมีกิจกรรมในชุมชนน้อยลง กระแสการบริโภควิ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วยเส้นทางเทคโนโลยีการสื่อสารต่างๆที่เจริญทันสมัยขึ้น เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และด้วยระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ขณะเดียวกับความรู้ทางพุทธศาสนามีการเผยแพร่ด้วยระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยเช่นกัน สามารถเข้าถึงความรู้ทางธรรมได้ง่ายและรวดเร็วทำให้ผู้คนที่สนใจธรรมสามารถหาความรู้ทางธรรมและอ่านพระไตรปิฎกได้สะดวกในระบบออนไลน์ มีหนังสือธรรมจำหน่ายจ่ายแจกมากมายให้สามารถอ่านได้ ตามวัดหรือสถานปฏิบัติธรรมต่างๆมีการเผยแพร่ความรู้ทางธรรม มีรูปแบบการเทศนาเปลี่ยนไปเป็นการยกหลักธรรมมาอธิบายเพื่อปรับใช้ในการดำเนินชีวิต/หรือการสนทนาธรรมแตกต่างจากเดิมที่อ่านจากใบลานทำให้ผู้คนมีความรู้ความเข้าใจในข้อธรรมที่ชัดเจนขึ้น และประชาสัมพันธ์ชักชวนผู้คนไปปฏิบัติธรรม ทำให้ผู้สนใจธรรมเลือกสถานที่ปฏิบัติธรรมตามความสนใจ
ในปัจจุบันเราจะพบได้ว่าจิตใจของผู้คนกลับไม่สงบเย็นเหมือนเดิม ผู้คนต้องดิ้นรนทำงานหนักมากขึ้น มีการแข่งขันกันสูง  บางคนก็เอารัดเอาเปรียบแสวงหาผลประโยชน์จากบุคคลอื่นหรือทำลายธรรมชาติ ทำให้ธรรมชาติแปรเปลี่ยนไป มีภัยพิบัติเกิดในยุคปัจจุบัน เช่น น้ำท่วม ดินถล่ม แผ่นดินไหว ไฟไหม้ป่า ภาวะโลกร้อน เป็นต้น มีปัญหาอาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินน้อยลงอย่างมาก ผู้คนไม่ไว้วางใจกันเป็นเหตุให้ผู้คนมีภาวะเครียดสูงขึ้น การควบคุมอารมณ์ต่างๆได้น้อยลงมีโอกาสทะเลาะวิวาทกันได้ง่าย พบว่า มีการทำร้ายกัน ฆ่ากันด้วยความโกรธและความไม่พอใจกันง่ายขึ้น หรืออาศัยความโกรธไม่พอใจทำลายล้างกัน เกิดความแตกแยก แตกความสามัคคีกันมากขึ้น นอกจากนี้ผลกระทบการบริโภคที่เกินความจำเป็นทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดในสมองแตก ไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็งต่างๆ และปัญหาทางสุขภาพจิต เป็นต้น  เนื่องจากผู้คนบริโภคกันเกินความจำเป็น ในกระแสส่งเสริมการบริโภคผ่านระบบเทคโนโลยีการสื่อสาร จึงทำให้การสื่อสารโฆษณาประชาสัมพันธ์เข้ามามีบทบาทในธุรกิจและการดำเนินชีวิตของคนอย่างมาก โดยพยายามใช้กลยุทธ์ในการแข่งขันด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ทุกวิถีทางที่กระตุ้นให้ผู้คนมีความต้องการซื้อสินค้าของตน เช่น อาหารหลากหลาย เครื่องดื่มแฟชั่นเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องแต่งตัว  เครื่องสำอาง การเสริมความงาม ยานพาหนะที่ทันสมัย เครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยรุ่นใหม่ๆ เป็นต้น ซึ่งสินค้าบางอย่างไม่มีประโยชน์และเกินความจำเป็นในชีวิต ด้วยสภาวการณ์ในปัจจุบันที่กระตุ้นการบริโภคอย่างไม่จำกัด ผู้คนมีรู้สึกอยากและต้องการเกินความจำเป็นมีภาวะหนี้สินกันมากขึ้น ไม่พิจารณาถึงประโยชน์และผลกระทบที่เกิดขึ้น ในทางธรรมตามหลักพุทธศาสนา ความยากเป็นกิเลสและตัณหา คือความอยากกิน อยากมี อยากได้และอยากเป็น พบว่าถ้ามีมากยิ่งทำให้เกิดทุกข์ได้มากทั้งต่อตนเองและผู้อื่น หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาส่งเสริมให้คนลด ละกิเลสเพื่อความดับทุกข์ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุด แต่พบว่ามีผลกระทบด้านลบมากกว่าด้านบวกที่เกิดในสังคม
            จากปัญหาที่พบว่าในปัจจุบัน จึงทำให้องค์กรทางศาสนา และกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่เชื่อมั่นและศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาพยายามหาทางออกให้กับผู้คนที่กำลังทุกข์และสังคม โดยการส่งเสริมความรู้ การปฏิบัติและกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เช่น ทำบุญฟังธรรมในวันอาทิตย์ตามวัดต่างๆ การบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ส่งเสริมให้มีการบวชพระศึกษาธรรม ส่งเสริมการเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนาแก่พระภิกษุ-สามเณร และฆารวาส การเปิดอบรมบวชเนกขัมมะ โครงการจัดอบรมนักเรียน/นักศึกษาไปปฏิบัติธรรมที่วัดหรือสถานปฏิบัติธรรม เปิดให้ผู้คนเข้ามาร่วมกิจกรรมกับทางวัด เป็นจิตอาสา /พุทธอาสา มีการผลิตสื่อทางพุทธศาสนาจ่ายแจกจำนวนมาก ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นพบว่ามีผู้คนมาสนใจเข้าวัดฟังธรรมมากขึ้น และที่น่าสังเกตมีผู้คนมาปฏิบัติกรรมฐานตามวัดและสถานที่ปฏิบัติธรรมมากขึ้นมี ทั้งเด็ก วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ จากเดิมในอดีตที่ผ่านมานั้นคนส่วนใหญ่ไปวัดตักบาตรทำบุญกันมาก แต่การปฏิบัติกรรมฐานน้อย ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่มีอายุหรือผู้อาวุโส เนื่องจากขณะนั้นพระในบางวัดมีความรู้ด้านปฏิบัติกรรมฐานน้อย ในปัจจุบันมีการส่งเสริมการศึกษาและเทคโนโลยีทางการสื่อสารทำให้พระและฆารวาสมีความรู้ด้านการปฏิบัติกรรมฐานกันมากขึ้น เปิดการอบรมกรรมฐานกันมากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งเสริมการดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พบว่ากลุ่มคนที่ใช้ชีวิตตามแนวทางหลักเศรษฐกิจพอเพียงมีความสุขและความสงบร่มเย็นขึ้น ซึ่งแนวทางดังกล่าวอาศัยหลักธรรมตามแนวทางพระพุทธศาสนามาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน จากสิ่งเกิดขึ้นในปัจจุบันทำให้คนส่วนหนึ่งกำลังเรียนรู้วิธีแก้ไขปัญหาหรือดำเนินชีวิตในแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสม แต่ยังพบว่ามีผู้คนจำนวนมากยังหาทางออกไม่เจอ ยังเปรียบเสมือนกับแมลงเม้าที่บินเข้าหากองไฟที่เข้าสู่กระแสความทุกข์อย่างไม่รู้ตัวโดยเข้าใจว่าเป็นความสุข ในฐานะเป็นคนไทยด้วยกันและนับถือพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ควรส่งเสริมให้คนไทยควรมาดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่งเสริมให้สถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็ง ส่งเสริมด้านการศึกษาให้คนไทยโดยเฉพาะเยาวชนมีความรู้และนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง  ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้ระบบสื่อสารผลิตรายการที่ส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมให้มากขึ้นทั้งในวิทยุและโทรทัศน์ นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาส่งเสริมการศึกษาและให้ความรู้ทางพุทธศาสนา พระภิกษุและสามเณรควรมีความรู้และการปฏิบัติทางพุทธศาสนาอย่างถูกต้องเหมาะสมสามารถถ่ายทอดให้กับผู้คนต่างๆได้เข้าใจและสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตได้ พุทธสานิกชนชาวไทยควรมีความรู้ทางพุทธศาสนาและนำมาใช้ในดำเนินชีวิตได้ มีสติสัมปชัญญะ มีโยนิโสมนสิการพิจารณาใคร่ครวญอย่างแยบคายและมีเหตุผล ใช้หลักมัชฌิมาปฏิปทาในการดำเนินชีวิต

https://sites.google.com/site/2200405muthita/e-book/bth-thi-1  16 กันยายน 2557
https://sites.google.com/site/kruyutsbw/prayochn-laea-tawxyang  21 กันยายน 2557

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

มาเลิกดื่มสุรากันเถิด


มาเลิกดื่มสุรากันเถิด

            ชาวไทยส่วนใหญ่นับพุทธศาสนา ซึ่งสอนให้ชาวพุทธควรปฏิบัติตัวตามหลักไตรสิกขาคือ ทาน ศีล ภาวนาเพื่อความสุขและความสงบในชีวิตและสังคม แต่กลับพบว่าสังคมไทยมีปัญหาความรุนแรงและอาชญากรรมเพิ่มขึ้นเนื่องจากคนไม่ปฏิบัติตัวอยู่ศีล  ซึ่งศีลระดับต้นของชาวพุทธที่ควรรักษาหรือปฏิบัติตามคือศีล๕ ซึ่งได้แก่
           
๑. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
            ๒. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
            ๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
            ๔. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
            ๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
(พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑,ข้อ๒๘๖, หน้า  ๒๒๖ – ๒๘๘)
จะพบว่าปัจจุบันชาวพุทธละเลยการปฏิบัติในศีลข้อต่างๆ กันมากขึ้นแม้จะมีการให้ความรู้ ความสำคัญในการปฏิบัติรักษาศีลจากสื่อต่างๆของทางพุทธศาสนาหรือจากผู้สนใจในธรรม   โดยเฉพาะศีลข้อที่๕ คืองดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทนั้น พบว่าที่ผ่านมาประเทศไทยมีการขยายตัวในการผลิตสินค้าในกลุ่มสุราเพื่อการแข่งขันทางธุรกิจและการส่งออก นอกจากนั้นยังผลิตภัณฑ์สินค้าดังกล่าวในชุมชน  แต่รัฐบาลก็ได้พยายามแก้ปัญหาอันเนื่องจากดื่มสุรา โดยมีมาตรการการเข้าถึงและหาซื้อสุราคือ นโยบายการจำกัดอายุผู้ซื้อและการดื่มสุราว่าไม่ให้ต่ำกว่า๑๘ปี  มาตรการลดอุบัติเหตุเมาไม่ขับ และการบำบัดรักษาต่างๆ เป็นต้น  แต่กลับพบว่าผู้ดื่มสุรามีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และส่งผลกระทบต่างๆ เช่น ปัญหาทางสุขภาพ  อุบัติเหตุทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก บางรายทุพลภาพเป็นภาระให้ครอบครัวและสังคม นอกจากนั้นยังก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมอื่นๆตามมาได้ง่าย เช่น การทำเลาะวิวาท ทำร้ายชีวิตและทรัพย์สินผู้อื่น การลักขโมย การล่วงละเมิดทางเพศ เป็นต้น
 จากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงทราบสิ่งนี้มาก่อนแล้วและได้ตรัสไว้ใน 
 สุราเมรยสูตร ว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ผู้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ เมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทมีน้อย โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท มีมากกว่า ฯลฯ”  (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙,ข้อ ๑๗๖๐,หน้า๔๕๘ - ๔๖๐)  แสดงให้เห็นว่าปัญหาการดื่มสุราก็มีเกิดขึ้นในอดีตเช่นกัน และพระพุทธองค์ได้ชี้ให้เห็นโทษของการผิดศีลข้อที่๕ คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการนี้ คือ
 ๑. ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง คนดื่มสุรามักสูญเสียทรัพย์สินที่เนื่องจากการดื่มสุรา ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสุรา  เป็นต้น  
 ๒. ก่อการทะเลาะวิวาท เมื่อดื่มสุราจะย้อมใจทำให้กล้าจนขาดสติมีโอกาสเกิดการทะเลาะได้เนื่องจากต่างคนต่างไม่กลัวกัน อาจเริ่มจากความเห็นไม่ตรงกัน มีปากเสียงกล่าวว่ากัน และทำร้ายร่างกายกัน
 ๓. เป็นบ่อเกิดแห่งโรค เช่น สุรามีผลเสียต่อร่างกาย แบ่งเป็น 2 แบบ คือ แบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง
       ๓.๑  แบบเฉียบพลัน (Acute) สุราสามารถทำให้เกิดอาการพิษอย่างเฉียบพลันได้
อาการที่เกิดขึ้นอยู่กับปริมาณของสุราในเลือด ทำให้เกิดอาการสนุกสนานร่าเริง (Euphoria)  เสียการควบคุมการเคลื่อนไหว (Incoordination)  มึนเมา เดินไม่ตรงทาง (Ataxia) เกิดอาการสับสน (Confusion) เกิดอาการง่วงซึม (Stuporous)  ดื่มปริมาณมากอาจสลบ และอาจถึงแก่ชีวิตได้ (Coma)
                  ๓.๒ แบบเรื้อรัง (Chronic) ผู้ที่ดื่มสุราติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ จะเกิดภาวะเป็นพิษต่ออวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ ได้
                  ) ผลกระทบต่อทางเดินอาหาร
                                       -  กระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก สุราจะกระตุ้นให้มีการหลั่งกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมากขึ้น ซึ่งช่วยให้เจริญอาหาร แต่ถ้าสุรามีปริมาณมากและความเข้มข้นสูงจะเป็นเหตุให้เกิดการระคายเคือง และเกิดการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก เมื่อเกิดการอักเสบเรื้อรังจะทำให้การดูดซึมอาหารลดลง ซึ่งส่งผลทำให้ร่างกายขาดสารอาหารและวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามินบีหนึ่ง เป็นต้น
                             -  ตับอ่อน สุรามีผลทำให้น้ำย่อยของตับอ่อนเพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดการอุดตันของท่อในตับอ่อน เป็นเหตุให้น้ำย่อยภายในตับอ่อนที่เพิ่มขึ้นไม่สามารถขับออกไปได้ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ตับอ่อนอักเสบ มีอาการแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ปวดท้องบริเวณลิ้นปี่ หรือระดับสะดือมาก คลื่นไส้ อาเจียน ไข้สูง อาจช็อคและตายได้
                             -   ตับ เป็นอวัยวะในการเผาผลาญหรือทำลายพิษของสุราขณะเดียวกันสุราก็จะทำให้มีไขมันแทรกอยู่ในตับมากขึ้น   เป็นเหตุให้เซลล์ของตับตายแล้วเกิดแผลเป็น มีพังผืดบางๆ เกิดขึ้นในบริเวณนั้น ถ้าเกิดตับอักเสบร่วมด้วยจะมีการทำลายเซลล์มากขึ้น ในที่สุดจะกลายเป็นตับแข็งและอาจนำไปสู่การเป็นมะเร็งที่ตับได้
                ผลต่อระบบเมตาบอลิกและต่อมไร้ท่อ    สุราทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง จนถึงทำให้หมดสติและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากสุราสกัดกั้นการสร้างน้ำตาลกลูโคสจากไกลโคเจนในตับ ในทางตรงกันข้ามสุราสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น หรือมีอาการเบาหวานได้เนื่องจากมีการทำลายเซลล์ของตับอ่อน  ซึ่งสร้างอินซูลิน (Insulin) ให้แก่ร่างกาย  สุราทำให้กรดแลคติค (Lactic) ในเลือดสูงขึ้นเป็นเหตุให้การขับถ่ายกรดยูริกทางไตน้อยลง ระดับยูริกในเลือดจึงสูงขึ้นและตกตะกอนในส่วนต่างๆของร่างกายทำให้เกิดการอักเสบ เช่น เกิดการอุดตันในท่อไต และไตอักเสบ ตลอดจนข้ออักเสบหรือโรคเกาต์ (Gout) เป็นต้น
                      ) ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง สุราจะไปกดการทำงานของสมอง ทำให้เกิดผลต่างๆ ดังนี้
                             -  ผลต่อความรู้สึกและการรับรู้  สุราทำให้ความไวต่อกลิ่นและรสเสื่อมลง หูอื้อ ตาลาย ความสามารถในการแยกความเข้มของแสงลดลง โดยเฉพาะแสงสีแดง การคาดคะเน ความเร็วและระยะทางของวัตถุต่ำกว่าความเป็นจริง เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายนอกจากนี้ความไวในการเจ็บปวดก็น้อยลง เพราะสุรามีฤทธิ์คล้ายยาสลบ
                                      -  ผลต่อกลไกการเคลื่อนไหว  สุราทำให้ปลายประสาทเกิดการอักเสบเป็นเหตุให้กล้ามเนื้ออ่อนกำลังลงและทำงานไม่ประสานกัน ผู้ดื่มสุราจึงพูดไม่ชัดเหมือนคนลิ้นไก่สั้น ยืนโอนเอนไปมา เดินไม่ตรงทางหรือบางครั้งถึงกับเดินไม่ได้ เพราะเกิดเป็นตะคริวบ่อยๆมีอาการชาตามปลายมือและปลายเท้า ทั้งนี้ก็เพราะขาดวิตามินบีหนึ่งนั่นเอง
                                       -  ผลต่อความรู้สึกทางเพศ ผู้ดื่มสุรามากมักจะทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง ส่วนผู้ที่ติดสุราจะมีความบกพร่องและไร้สมรรถภาพทางเพศ ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังมักจะชราภาพและต่อมเพศเสื่อมก่อนเวลาอันควร      ตลอดจนเพิ่มปัญหาทางเพศแก่คู่ชีวิตอีกด้วย
                                      -  ผลต่อการนอนหลับ   ผู้ที่ดื่มสุราจำนวนมากแล้วเข้านอนจะพลิกตัวกลิ้งไปมาเป็นพักๆ และตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลียมาก นอกจากสุราจะไปกดสมองและระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อความรู้สึก การรับรู้กลไกการเคลื่อนไหวและอารมณ์ ซึ่งเป็นผลให้เกิดอุบัติเหตุและเกิดการทำผิดกฎหมายสูงขึ้น สุรายังทำให้เกิดอาการอักเสบและบวมที่เยื่อหุ้มสมองและที่เนื้อสมองด้วย
               ) ระบบหัวใจและหลอดเลือด    สุราทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจต่ำลง เนื่องจากมีการสะสมไขมันและสารที่สำคัญ เช่น นอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) แมกนีเซียม (Magnesium) แคลเซียม (Calcium) และเอนไซม์ (Enzymes) ต่างๆ นอกจากนี้ในผู้ที่ดื่มสุราจัดเป็นเวลานาน จะพบโรคหัวใจที่เกิดจากพิษสุรา (Alcoholic cardiomyopathy)
                            ) ระบบการต่อต้านจุลชีพ  สุราทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายต่ำลง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ดื่มสุรามีโอกาสเป็นโรคปอดบวมและติดเชื้ออื่นๆ ได้ง่ายกว่าผู้ไม่ดื่ม แพทย์ผู้รักษาจึงมักแนะนำให้ผู้ป่วยหยุดดื่มสุราในระหว่างรักษา
            ๔. เป็นเหตุเสียชื่อเสียง ผู้ดื่มสุราอาจเมามากควบคุมตนเองไม่ได้ จะทำให้กล้าทำในสิ่งไม่
ควรทำ เช่น ทำร้ายผู้อื่น หรือหนักถึงกับทำร้าย พ่อแม่ของตนซึ่งมีผลทำให้โดนตำหนิ ตริเตียนจาก คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือผู้ที่พบเห็น เป็นต้น  
            ๕. เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย ผู้ที่เมาจากการดื่มสุราไม่ว่าเป็นหญิงเป็นชายมีพฤติกรรมเหมือน
กันเป็นเหตุให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องและ เหมาะสม คือไม่รู้จักอาย กล้าเปิดเผยอวัยวะที่ควร ปกปิด นอนหลับในที่ไม่สมควร ขาดความยับยั้งในการพูดและการแสดงออก ผู้ที่ดื่มสุราจึงมักจะพูดจาไม่สุภาพ กริยาก้าวร้าว  เป็นต้น
           ๖. เป็นเหตุทอนปัญญา ปัญญาของคนเราจะใช้ได้ดีก็ต่อเมื่อทั้งกายและใจเป็นปกติ เมื่อดื่ม
สุราเข้าไปจนเมาแล้วก็ควบคุมตัวไม่ได้ ปัญญาก็จะไม่ได้ถูกใช้ จะลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑,ข้อ๑๗๙, หน้าที่  ๑๖๔ - ๑๗๓)
               จากโทษของการดื่มสุราดังกล่าว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงชี้แนะถึงวิธีปฏิบัติเพื่อละเหตุกระทำผิดในศีลทั้ง๕ ข้อ ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงเจริญสัมมัปปธาน ๔ นี้ เพื่อละธรรมเครื่องผูกมัดจิต ๕ ประการนี้แล ฯ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ปาณาติบาต ฯลฯสุราเมรยมัชชปมาทัฏฐาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุเครื่องให้สิกขาทุรพล ๕ ประการนี้แล ฯ
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงเจริญสัมมัปปธาน ๔ เพื่อละเหตุเครื่องให้สิกขาทุรพล ๕ ประการนี้แล สัมมัปปธาน ๔ เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมปลูกฉันทะ พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิต ตั้งจิตไว้ เพื่อไม่ให้ธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น ๑   เพื่อละธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ๑  เพื่อยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น๑  เพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน เพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์ เพื่อความเจริญ เพื่อความบริบูรณ์แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงเจริญสัมมัปปธาน ๔ นี้ เพื่อละเหตุเครื่องให้สิกขาทุรพล ๕ ประการนี้แล ฯลฯ  (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓,ข้อ๒๗๘,หน้า๔๒๘ - ๔๒๙)    สรุปการปฏิบัติตามหลักสัมมัปปธาน ๔ คือ ปลูกฉันทะ พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิต ตั้งจิตไว้ 
             ๑. เพื่อไม่ให้ธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น คือ ไม่คิด/ทำความชั่ว(ไม่ดี)ต่างๆที่ยังไม่เคยคิดทำ
                ๒. เพื่อละธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว  คือ ไม่คิด/ทำความชั่ว(ไม่ดี)  ต่างๆที่เคยเกิดขึ้น เช่น มุ่งมั่น ตั้งใจและไม่ดื่มสุราอีก
               ๓. เพื่อยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น คือ มุ่งมั่น ตั้งใจ และประกอบการทำความดี เช่น รักษาศีล๕  เมตตาช่วยเหลือผู้อื่น เป็นต้น
               ๔. เพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน เพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์ เพื่อความเจริญ เพื่อความบริบูรณ์แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว หมายถึง มุ่งมั่น ตั้งใจ ประกอบและรักษาความดีให้พอกพูนยิ่งขึ้น เช่น รักษาศีล๕ให้บริบูรณ์
            จะเห็นได้ว่าสัมมัปปธาน ๔ เป็นหลักใหญ่๔ประการ เพียงแต่ผู้ปฏิบัติเข้าใจในหลักการแล้วก็สามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักการที่วางไว้ คือ ละเว้นความชั่ว  ต้องหมั่นประกอบความดีอยู่เนืองๆพร้อมระวังรักษาความดีให้พอกพูนมากยิ่งขึ้น ก็จะช่วยให้ชาวพุทธไม่ละเมิดในศีลและสามารถหลีกเลี่ยงการดื่มสุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทได้

 

บรรณานุกรม

ข้อเสียของการดื่มสุรา http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXhNREk1TURjMU5RPT0=5 กันยายน 2557

พิชัย  แสงชาญชัย , “ตำรายาเสพติด”, ,(กรุงเทพมหานคร:วัชระอินเตอร์ปริ้นติ้ง,2544),หน้า 218
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๑ 

 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๙
  
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓