มาเลิกดื่มสุรากันเถิด
ชาวไทยส่วนใหญ่นับพุทธศาสนา ซึ่งสอนให้ชาวพุทธควรปฏิบัติตัวตามหลักไตรสิกขาคือ
ทาน ศีล ภาวนาเพื่อความสุขและความสงบในชีวิตและสังคม
แต่กลับพบว่าสังคมไทยมีปัญหาความรุนแรงและอาชญากรรมเพิ่มขึ้นเนื่องจากคนไม่ปฏิบัติตัวอยู่ศีล ซึ่งศีลระดับต้นของชาวพุทธที่ควรรักษาหรือปฏิบัติตามคือศีล๕
ซึ่งได้แก่
๑. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
๒. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
๔. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑,ข้อ๒๘๖, หน้า ๒๒๖ – ๒๘๘)
๑. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
๒. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
๔. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑,ข้อ๒๘๖, หน้า ๒๒๖ – ๒๘๘)
จะพบว่าปัจจุบันชาวพุทธละเลยการปฏิบัติในศีลข้อต่างๆ
กันมากขึ้นแม้จะมีการให้ความรู้ ความสำคัญในการปฏิบัติรักษาศีลจากสื่อต่างๆของทางพุทธศาสนาหรือจากผู้สนใจในธรรม โดยเฉพาะศีลข้อที่๕ คืองดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทนั้น พบว่าที่ผ่านมาประเทศไทยมีการขยายตัวในการผลิตสินค้าในกลุ่มสุราเพื่อการแข่งขันทางธุรกิจและการส่งออก
นอกจากนั้นยังผลิตภัณฑ์สินค้าดังกล่าวในชุมชน แต่รัฐบาลก็ได้พยายามแก้ปัญหาอันเนื่องจากดื่มสุรา
โดยมีมาตรการการเข้าถึงและหาซื้อสุราคือ นโยบายการจำกัดอายุผู้ซื้อและการดื่มสุราว่าไม่ให้ต่ำกว่า๑๘ปี
มาตรการลดอุบัติเหตุเมาไม่ขับ
และการบำบัดรักษาต่างๆ เป็นต้น แต่กลับพบว่าผู้ดื่มสุรามีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และส่งผลกระทบต่างๆ เช่น ปัญหาทางสุขภาพ อุบัติเหตุทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก
บางรายทุพลภาพเป็นภาระให้ครอบครัวและสังคม นอกจากนั้นยังก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมอื่นๆตามมาได้ง่าย
เช่น การทำเลาะวิวาท ทำร้ายชีวิตและทรัพย์สินผู้อื่น การลักขโมย การล่วงละเมิดทางเพศ
เป็นต้น
จากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงทราบสิ่งนี้มาก่อนแล้วและได้ตรัสไว้ใน
สุราเมรยสูตร ว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ผู้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ เมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทมีน้อย
โดยที่แท้ สัตว์ผู้ไม่งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
มีมากกว่า ฯลฯ” (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙,ข้อ ๑๗๖๐,หน้า๔๕๘ - ๔๖๐) แสดงให้เห็นว่าปัญหาการดื่มสุราก็มีเกิดขึ้นในอดีตเช่นกัน และพระพุทธองค์ได้ชี้ให้เห็นโทษของการผิดศีลข้อที่๕
คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการนี้ คือ
๑. ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง
คนดื่มสุรามักสูญเสียทรัพย์สินที่เนื่องจากการดื่มสุรา ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสุรา เป็นต้น
๒. ก่อการทะเลาะวิวาท เมื่อดื่มสุราจะย้อมใจทำให้กล้าจนขาดสติมีโอกาสเกิดการทะเลาะได้เนื่องจากต่างคนต่างไม่กลัวกัน
อาจเริ่มจากความเห็นไม่ตรงกัน มีปากเสียงกล่าวว่ากัน และทำร้ายร่างกายกัน
๓. เป็นบ่อเกิดแห่งโรค เช่น สุรามีผลเสียต่อร่างกาย แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
แบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง
๓.๑ แบบเฉียบพลัน (Acute) สุราสามารถทำให้เกิดอาการพิษอย่างเฉียบพลันได้
อาการที่เกิดขึ้นอยู่กับปริมาณของสุราในเลือด
ทำให้เกิดอาการสนุกสนานร่าเริง (Euphoria)
เสียการควบคุมการเคลื่อนไหว (Incoordination) มึนเมา เดินไม่ตรงทาง (Ataxia)
เกิดอาการสับสน (Confusion) เกิดอาการง่วงซึม (Stuporous) ดื่มปริมาณมากอาจสลบ
และอาจถึงแก่ชีวิตได้ (Coma)
๓.๒
แบบเรื้อรัง (Chronic) ผู้ที่ดื่มสุราติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
ๆ จะเกิดภาวะเป็นพิษต่ออวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ ได้
๑) ผลกระทบต่อทางเดินอาหาร
- กระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก สุราจะกระตุ้นให้มีการหลั่งกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมากขึ้น
ซึ่งช่วยให้เจริญอาหาร แต่ถ้าสุรามีปริมาณมากและความเข้มข้นสูงจะเป็นเหตุให้เกิดการระคายเคือง
และเกิดการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก
เมื่อเกิดการอักเสบเรื้อรังจะทำให้การดูดซึมอาหารลดลง
ซึ่งส่งผลทำให้ร่างกายขาดสารอาหารและวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามินบีหนึ่ง เป็นต้น
- ตับอ่อน สุรามีผลทำให้น้ำย่อยของตับอ่อนเพิ่มขึ้น
แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดการอุดตันของท่อในตับอ่อน
เป็นเหตุให้น้ำย่อยภายในตับอ่อนที่เพิ่มขึ้นไม่สามารถขับออกไปได้
ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ตับอ่อนอักเสบ มีอาการแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย
ปวดท้องบริเวณลิ้นปี่ หรือระดับสะดือมาก คลื่นไส้ อาเจียน ไข้สูง อาจช็อคและตายได้
- ตับ
เป็นอวัยวะในการเผาผลาญหรือทำลายพิษของสุราขณะเดียวกันสุราก็จะทำให้มีไขมันแทรกอยู่ในตับมากขึ้น เป็นเหตุให้เซลล์ของตับตายแล้วเกิดแผลเป็น
มีพังผืดบางๆ เกิดขึ้นในบริเวณนั้น
ถ้าเกิดตับอักเสบร่วมด้วยจะมีการทำลายเซลล์มากขึ้น
ในที่สุดจะกลายเป็นตับแข็งและอาจนำไปสู่การเป็นมะเร็งที่ตับได้
๒) ผลต่อระบบเมตาบอลิกและต่อมไร้ท่อ สุราทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง
จนถึงทำให้หมดสติและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากสุราสกัดกั้นการสร้างน้ำตาลกลูโคสจากไกลโคเจนในตับ
ในทางตรงกันข้ามสุราสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
หรือมีอาการเบาหวานได้เนื่องจากมีการทำลายเซลล์ของตับอ่อน ซึ่งสร้างอินซูลิน (Insulin) ให้แก่ร่างกาย สุราทำให้กรดแลคติค (Lactic) ในเลือดสูงขึ้นเป็นเหตุให้การขับถ่ายกรดยูริกทางไตน้อยลง
ระดับยูริกในเลือดจึงสูงขึ้นและตกตะกอนในส่วนต่างๆของร่างกายทำให้เกิดการอักเสบ
เช่น เกิดการอุดตันในท่อไต และไตอักเสบ ตลอดจนข้ออักเสบหรือโรคเกาต์ (Gout)
เป็นต้น
๓) ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง สุราจะไปกดการทำงานของสมอง
ทำให้เกิดผลต่างๆ ดังนี้
- ผลต่อความรู้สึกและการรับรู้ สุราทำให้ความไวต่อกลิ่นและรสเสื่อมลง หูอื้อ
ตาลาย ความสามารถในการแยกความเข้มของแสงลดลง โดยเฉพาะแสงสีแดง การคาดคะเน
ความเร็วและระยะทางของวัตถุต่ำกว่าความเป็นจริง เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายนอกจากนี้ความไวในการเจ็บปวดก็น้อยลง
เพราะสุรามีฤทธิ์คล้ายยาสลบ
- ผลต่อกลไกการเคลื่อนไหว สุราทำให้ปลายประสาทเกิดการอักเสบเป็นเหตุให้กล้ามเนื้ออ่อนกำลังลงและทำงานไม่ประสานกัน
ผู้ดื่มสุราจึงพูดไม่ชัดเหมือนคนลิ้นไก่สั้น ยืนโอนเอนไปมา
เดินไม่ตรงทางหรือบางครั้งถึงกับเดินไม่ได้
เพราะเกิดเป็นตะคริวบ่อยๆมีอาการชาตามปลายมือและปลายเท้า
ทั้งนี้ก็เพราะขาดวิตามินบีหนึ่งนั่นเอง
- ผลต่อความรู้สึกทางเพศ
ผู้ดื่มสุรามากมักจะทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง ส่วนผู้ที่ติดสุราจะมีความบกพร่องและไร้สมรรถภาพทางเพศ
ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังมักจะชราภาพและต่อมเพศเสื่อมก่อนเวลาอันควร ตลอดจนเพิ่มปัญหาทางเพศแก่คู่ชีวิตอีกด้วย
- ผลต่อการนอนหลับ
ผู้ที่ดื่มสุราจำนวนมากแล้วเข้านอนจะพลิกตัวกลิ้งไปมาเป็นพักๆ
และตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลียมาก นอกจากสุราจะไปกดสมองและระบบประสาทส่วนกลาง
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อความรู้สึก การรับรู้กลไกการเคลื่อนไหวและอารมณ์
ซึ่งเป็นผลให้เกิดอุบัติเหตุและเกิดการทำผิดกฎหมายสูงขึ้น สุรายังทำให้เกิดอาการอักเสบและบวมที่เยื่อหุ้มสมองและที่เนื้อสมองด้วย
๔) ระบบหัวใจและหลอดเลือด สุราทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจต่ำลง
เนื่องจากมีการสะสมไขมันและสารที่สำคัญ เช่น นอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine)
แมกนีเซียม (Magnesium) แคลเซียม (Calcium)
และเอนไซม์ (Enzymes) ต่างๆ
นอกจากนี้ในผู้ที่ดื่มสุราจัดเป็นเวลานาน จะพบโรคหัวใจที่เกิดจากพิษสุรา (Alcoholic cardiomyopathy)
๕) ระบบการต่อต้านจุลชีพ สุราทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายต่ำลง
เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ดื่มสุรามีโอกาสเป็นโรคปอดบวมและติดเชื้ออื่นๆ
ได้ง่ายกว่าผู้ไม่ดื่ม แพทย์ผู้รักษาจึงมักแนะนำให้ผู้ป่วยหยุดดื่มสุราในระหว่างรักษา
๔. เป็นเหตุเสียชื่อเสียง ผู้ดื่มสุราอาจเมามากควบคุมตนเองไม่ได้ จะทำให้กล้าทำในสิ่งไม่
ควรทำ เช่น ทำร้ายผู้อื่น หรือหนักถึงกับทำร้าย พ่อแม่ของตนซึ่งมีผลทำให้โดนตำหนิ ตริเตียนจาก คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือผู้ที่พบเห็น เป็นต้น
๕. เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย ผู้ที่เมาจากการดื่มสุราไม่ว่าเป็นหญิงเป็นชายมีพฤติกรรมเหมือน
กันเป็นเหตุให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องและ เหมาะสม คือไม่รู้จักอาย กล้าเปิดเผยอวัยวะที่ควร ปกปิด นอนหลับในที่ไม่สมควร ขาดความยับยั้งในการพูดและการแสดงออก ผู้ที่ดื่มสุราจึงมักจะพูดจาไม่สุภาพ กริยาก้าวร้าว เป็นต้น
๖. เป็นเหตุทอนปัญญา ปัญญาของคนเราจะใช้ได้ดีก็ต่อเมื่อทั้งกายและใจเป็นปกติ เมื่อดื่ม
สุราเข้าไปจนเมาแล้วก็ควบคุมตัวไม่ได้ ปัญญาก็จะไม่ได้ถูกใช้ จะลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑,ข้อ๑๗๙, หน้าที่ ๑๖๔ - ๑๗๓)
จากโทษของการดื่มสุราดังกล่าว
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงชี้แนะถึงวิธีปฏิบัติเพื่อละเหตุกระทำผิดในศีลทั้ง๕ ข้อ ดังนี้ “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงเจริญสัมมัปปธาน ๔ นี้
เพื่อละธรรมเครื่องผูกมัดจิต ๕ ประการนี้แล ฯ ๕ ประการเป็นไฉน คือ ปาณาติบาต ฯลฯสุราเมรยมัชชปมาทัฏฐาน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหตุเครื่องให้สิกขาทุรพล ๕ ประการนี้แล ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงเจริญสัมมัปปธาน ๔
เพื่อละเหตุเครื่องให้สิกขาทุรพล ๕ ประการนี้แล สัมมัปปธาน ๔ เป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมปลูกฉันทะ พยายาม ปรารภความเพียร
ประคองจิต ตั้งจิตไว้ เพื่อไม่ให้ธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น ๑ เพื่อละธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว
๑ เพื่อยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น๑ เพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน
เพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์ เพื่อความเจริญ
เพื่อความบริบูรณ์แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายพึงเจริญสัมมัปปธาน ๔ นี้ เพื่อละเหตุเครื่องให้สิกขาทุรพล ๕
ประการนี้แล ฯลฯ” (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓,ข้อ๒๗๘,หน้า๔๒๘ - ๔๒๙) สรุปการปฏิบัติตามหลักสัมมัปปธาน
๔ คือ ปลูกฉันทะ พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิต ตั้งจิตไว้
๑. เพื่อไม่ให้ธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น คือ ไม่คิด/ทำความชั่ว(ไม่ดี)ต่างๆที่ยังไม่เคยคิดทำ
๒. เพื่อละธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว
คือ ไม่คิด/ทำความชั่ว(ไม่ดี) ต่างๆที่เคยเกิดขึ้น
เช่น มุ่งมั่น ตั้งใจและไม่ดื่มสุราอีก
๓. เพื่อยังกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น
คือ มุ่งมั่น ตั้งใจ และประกอบการทำความดี เช่น รักษาศีล๕ เมตตาช่วยเหลือผู้อื่น เป็นต้น
๔. เพื่อความตั้งมั่น
ไม่ฟั่นเฟือน เพื่อความเจริญยิ่ง เพื่อความไพบูลย์ เพื่อความเจริญ
เพื่อความบริบูรณ์แห่งกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว หมายถึง มุ่งมั่น ตั้งใจ
ประกอบและรักษาความดีให้พอกพูนยิ่งขึ้น เช่น รักษาศีล๕ให้บริบูรณ์
จะเห็นได้ว่าสัมมัปปธาน ๔ เป็นหลักใหญ่๔ประการ
เพียงแต่ผู้ปฏิบัติเข้าใจในหลักการแล้วก็สามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักการที่วางไว้
คือ ละเว้นความชั่ว
ต้องหมั่นประกอบความดีอยู่เนืองๆพร้อมระวังรักษาความดีให้พอกพูนมากยิ่งขึ้น
ก็จะช่วยให้ชาวพุทธไม่ละเมิดในศีลและสามารถหลีกเลี่ยงการดื่มสุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทได้
บรรณานุกรม
ข้อเสียของการดื่มสุรา http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXhNREk1TURjMU5RPT0=5
กันยายน 2557
พิชัย แสงชาญชัย ,
“ตำรายาเสพติด”,
,(กรุงเทพมหานคร:วัชระอินเตอร์ปริ้นติ้ง,2544),หน้า
218
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๑
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/mean_reverse.php?text=11&Aindex=%CA%D2%C3%BA%D1%AD
5
กันยายน 2557
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๙
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/mean_reverse.php?text=19&Aindex=%CA%D2%C3%BA%D1%AD
5
กันยายน 2557
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่
๒๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น